ประเทศสหรัฐอเมริกันเป็นดินแดนที่ประกอบด้วยคนหลากหลายเชื้อชาติและวัฒนธรรม เริ่มตั้งแต่ผู้อพยพชาวอังกฤษและสเปนที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานครั้งแรกทางฝั่งตะวันออก ยังไม่รวมวัฒนธรรมของชนพิ้นเมืองอินเดียนแดง ชนชาติใดในยุโรปที่เข้าไปตั้งถิ่นฐานตรงจุดไหนในสหรัฐอเมริกา มักจะทิ้งวัฒนธรรมความเชื่อและประเพณีบางอย่างไว้ให้คนอเมริกันรุ่นหลังๆ อาทิ เช่น ภาษา อาหาร ประเพณี และวิถีชีวิต ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ นับเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่ยังคงมีร่องรอยของประเพณีในอดีตไว้ให้ชม และเป็นสิ่งที่ดึงดูดผู้คนในท้องถิ่นอื่นให้อยากไปสัมผัส ถ้าใครมีโอกาสได้เดินทางผ่านไปที่รัฐ Pennsylvania ในช่วงเวลานั้น ชาวสวีเดนผู้บุกเบิกรุ่นแรกเป็นผู้นำการเดินพาเหรดแบบ Mummers เข้าไปแสดงในวันปีใหม่คือวันที่ 1 มกราคม อาจกล่าวได้ว่า Mummers คิอประเพณีพื้นบ้านที่เก่าแก่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา การเดินพาเหรดแบบ Mummers ในรัฐ Pennsylvania ดำเนินมากว่า 100 ปีแล้ว เป็นการเดินพาเหรดที่ผู้คนจะสวมเครื่องแต่งกายที่มีสีสัน และที่สำคัญคือมีการสวมหน้ากาก หรือทาสีใบหน้า พร้อมกับเดินขอเครื่องดื่มและอาหารไปตามบ้าน ประเพณีนี้หากย้อนกลับไปจะเห็นได้ว่า มีมาตั้งแต่อียิปต์ยุคโบราณ สืบทอดต่อมาถึงสมัยกรีก และมีเล่นทั่วไปในประเทศอังกฤษและไอร์แลนด์ในช่วงศตวรรษที่ 16 รวมทั้งที่ประเทศอิตาลีและประเทศเยอรมนี ในประเทศอังกฤษ มีการฟื้นฟูการเล่น Mummering ในวัน Boxing Day หรือหลังวันคริต์มาส 1 วันทางภาคใต้ของแคว้น Gloucestershire และในวัน St.Stephen หรือหลังวันคริสต์มาส 1 วันที่ไอร์แลนด์ ( http://quakercitystringband.com/a-history-of-mumming-how-the-mummers-got-here/)
ชาวสวีเดนและชาวฟินแลนด์เป็นยุโรปกลุ่มแรกที่ไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในรัฐ Pennsylvania ได้นำเอาวิธีการแสดงแบบ Mummers เข้าไปแสดงในรัฐ Pennsylvania โดยชาวสวีเดนกลุ่มใหญ่จะเดินพาเหรดส่งเสียงอีกทึกครึกโครมไปตามถนน พร้อมกับใช้การแต่งกายแบบในละครเรื่อง St.George and the Dragon ของอังกฤษ ที่ใช้เสื้อแบบฟูๆพองๆเข้ามาผสมผสานกับการทำตลกแบบโง่ๆหรือแบบเสียดสี เอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรชิ้นแรกเกี่ยวกับการเดินพาเหรดแบบ Mummers เกิดขึ้นในช่วงสงครามประกาศอิสรภาพจากอังกฤษ เมื่อมีการเลี้ยงส่งอำลานายพล William Howe กลับอังกฤษ ต่อมาสมัยประธานาธิบดี George Washington ช่วงปี 1790-1800 เมืองหลวงชั่วคราวของสหรัฐอเมริกาในเวลานั้นคือเมืองฟิลาเดลเฟีย ประธานาธิบดี George Washington พักที่ทำเนียบประธานาธิบดีในเวลานั้นที่เมืองฟิลาเดลเฟีย และมีการเดินพาเหรดแบบ Mummers ตลอดช่วง 7 ปีที่ George Washington อยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดี ด้วยการเดินไปามบ้านต่างๆ พร้อมกับท่องบทกวี เล่าเรื่องตลก และแสดงชุดล้อเลียนประธานาธิบดี Washington นักแสดงจะได้ขนมเค้กและสุราตอบแทนกลับมา นักแสดงไม่ได้มุ่งที่จะทำให้ประธานาธิบดีชมเพียงอย่างเดียว พวกเขาต้องการให้ประชาชนในละแวกนั้นได้รับชมด้วย โชคไม่ดีในปี 1808 มีผู้ไม่เห็นด้วยกับการเดินพาเหรดแบบ Mummers เพราะก่อให้เกิดเสียงดังเกินไปจนน่ารำคาญ จึงมีกฎหมายออกมาว่า ถ้าใครเดินพาดหรด Mummers จะถูกปรับและถูกจับ แต่ประชาชนที่อยู่รอบนอกเมืองฟิลาเดลเฟียประกอบด้วย พ่อค้า นักผจญเพลิง , ชาวนา และช่างฝีมือ ไม่เห็นด้วย ก็ยังคงเดินพาเหรดกันในเมืองที่พวกเขาอยู่ จนถึงปี 1901 ชาวเมืองฟิลาเดลเฟียยอมรับที่จะให้มีการเดินพาเหรดแบบ Mummers อย่างเป็นทางการครั้งแรก ถ้านับมาจนถึงปี 2019 พาเหรดปี 2019 ถือเป็นพาเหรดครั้งที่ 119 ของเมืองฟิลาเดลเฟีย และปีค.ศ. 2020 นับเป็นครั้งที่ 120 https://www.mrmummer.com/blog/2019/10/2020-mummers-parade-guide/
การเดินพาเหรด Mummers เริ่มมีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ในปี 1993 ผู้เข้าร่วมเดินพาเหรดต้องใช้เวลาในการตระเตรียมเสื้อผ้า การซ้อมเดิน การสร้างองค์ประกอบของฉากเป็นเวลานานหลายเดือนกว่าจะพร้อมแสดงได้ ซึ่งแต่ละกลุ่มก็จะเตรียมงานกันที่สโมสรของกลุ่มที่ตัวเองสังกัดอยู่ การเขียนสีบนใบหน้าได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการแบ่งแยกเชื้อชาติและเหยียดสีผิว จึงห้ามทาสีดำบนใบหน้าในปี 1964 แต่ในปี 2007 ก็ยังมีการทาสีบนใบหน้าด้วยสีดำ สีน้ำตาล และสีแดง ทำการ์ตูนล้อเลียนเกี่ยวกับเชื้อชาติและชาติพันธุ์อื่น การเดินพาเหรด Mummers ได้ถูกยกเลิกไม่ให้มีการเดินพาเหรด2 ครั้ง คือในปี 1919 เป็นผลมาจากการยุติสงครามโลกครั้งที่ 1 และในปี 1934 ช่วงเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก หาเงินมาทำรางวัลแจกไม่ได้ ในปี 2008 เกิดวิกฤตทางการเงิน การเดินพาเหรด Mummers แต่ละครั้งต้องใช้เงินของ City of Philadelphia ถึงปีละมากกว่า 1 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ ในทศวรรษ 2000 สายการบิน Southwest ได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือ Mummers Parade และตามด้วยหน่วยงานอื่นๆในเวลาต่อมา ข้อสังเกตอีกประการหนึ่งคือ ส่วนใหญ่ผู้เดินพาเหรดมักจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิงเริ่มเข้ามาร่วมเดินพาเหรดในปี 1975 และในปี 1996 10%ของสโมสร String Band เป็นผู้หญิง https://billypenn.com/2014/12/30/mummers-101-the-sequins-blackface-and-binge-drinking-behind-a-philly-new-years-tradition/
ขบวนพาเหรดแบบ Mummers ต้องใช้ผู้ร่วมเดินมากกว่า 15,000 คน และแบ่งออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ คือ Comics, Fancy, Fancy Brigade และ String Band แต่ละประเภทจะเป็นตัวแทนของคน 4 กลุ่มใหญ่ที่มีวิธีการนำเสนอการแสดงที่แตกต่างกัน คือ
- Comics จะเป็นกลุ่มที่เดินนำขบวน Mummers Parade ทั้งหมด กลุ่มนี้จะแต่งตัวด้วยชุดตลกๆ และเต้นอยู่ในขบวนพาเหรดด้วยเพลงยอดนิยมในช่วงสงครามกลางเมือง คือเพลง Oh,Dem Golden Slippers ของผู้แต่งในยุคนั้นที่ชื่อ Northerner James Bland เป็นคนผิวดำ เนื้อเพลงพูดถึงผู้ชายที่เป็นนักวัตถุนิยม แต่งกายด้วยชุดยาวสีขาวพร้อมเสื้อโค้ตมีหางยาวสีขาว ถือบันโจ สวมรองเท้าแตะทองคำ ชายผู้นี้พูดถึงการขี่รถม้าซึ่งอุปมาเหมือนการหลบหนีออกไปจากการเป็นทาส ซึ่งที่จริงแล้วเขาไม่สามารถหายไปไหนได้ เหมือนเขาเพียงแค่เดินออกจากสวนไปทางเหนือเพื่อหลบหนีไปหาสิ่งที่ดีๆ หรือไปในสถานที่ที่ดีกว่า โดยมีสร้อยของเพลงว่า ” เทวดาสวมรองเท้าแตะสีทองใช่ไหม ” https://www.songfacts.com/facts/james-bland/oh-dem-golden-slippers กลุ่มนี้จะใช้ Golden Slippers เป็น theme ในการล้อเลียนเสียดสีเหตุการณ์ ด้านล่างเป็นเนื้อเพลง Oh, Dem, Golden Slippers ที่นำมาปรับใหม่โดย Tom Crush เมื่อปี 1879 ในปัจจุบัน Comics เป็นกลุ่มตัวตลกที่แต่งตัวในชุดสีสันสดใสพร้อมถือร่มเต้นไปกับเสียงเพลงจากสโมสรที่สนับสนุนพวกเขา เช่น ในปี 2016 จะมี 3 สโมสรในกลุ่ม Comics ได้แก่ Landi Comic Club, Murray Comic Club และ Goodtimers Comic Club ชุดรูปแบบในการล้อเลียนมักจะล้อเลียนเหตุการณ์ปัจจุบันและวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมอย่างนุ่มนวล
ตัวอย่าง Mummers Parade กลุ่ม Comics สวมรองเท้าแตะสีทอง ที่ฟิลาเดลเฟียเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2019 งานเริ่ม 9.00 น. เลิกงาน 17.00 น. เริ่มเดินจาก City Hall ไปตาม Broad Street ถึง Washington Avenue https://www.myphillyalive.com/blog/the-mummers-parade-a-long-standing-philly-tradition/
- Fancy เป็นคนละกลุ่มกับ Fancy Brigade กลุ่ม Fancy จะใช้ลูกปาเล็กๆเป็นจุดเด่น และเล่นดนตรีสดเดินพาเหรด ผู้คนที่เดินในกลุ่มนี้จะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใส ประกอบด้วยสโมสร Golden Sunrise
- Fancy Brigade มีลักษณะคล้ายกลุ่ม Fancy เคยเดินร่วมกับ Fancy แต่แยกตัวออกมาในปี 1978 ประกอบด้วยสโมสร อาทิ เช่น 2nd Street Shooters, Clevemore, South Philly Vikings, Satin Slipper, Spartans, Saturnalian, Golden Crown, Avenuers, Downtowners, Jokers, Shooting Stars, Bill McIntyre’s Shooting, Purple Magic, Jokers กัปตันของ Fancy Brigade จะใช้เครื่องแต่งกายที่มีราคาหลายหมื่นดอลล่าร์ กลุ่ม Fancy Brigade มักจะเป็นผู้นำกลุ่ม มีการใช้อุปกรณ์ประกอบฉากที่มีความละเอียดประณีตและมีขนาดใหญ่หรูหรา การออกแบบท่าเต้นที่คล้ายละครบรอดเวย์ การแสดงของพวกเขามักจะอยู่ราวๆตรงกลางขบวนพาเหรด แต่ละชุดใช้เวลาประมาณ 4 นาทีทั้งๆที่เป็นนักแสดงสมัครเล่น วิวัฒนาการของอุปกรณ์ประกอบฉากและการพัฒนาท่าเต้นแบบบรอดเวย์ทำให้ Fancy Brigade lสามารถที่จะแสดงในตัวอาคารได้
- String Band นำเสนอการแสดงที่มีขนาดใหญ่ขึ้น มีการเตรียมการเรื่องเครื่องแต่งกายและทาสีใบหน้า แนวเพลงที่ใช้เขียน และการออกแบบท่าเต้นที่สอดคล้องกับการแสดงของพวกเขา พวกเขามักจะมีแบนโจ, แซ็กโซโฟน (อัลโต เทเนอร์ บาริโทนและเบส), หีบเพลง, ดับเบิลเบส, กลอง, glockenspiels และแม้กระทั่งไวโอลินในการจัดดนตรี จะเป็นที่ชื่นชอบของคนดูจำนวนมาก มีสโมสรที่เป็นสมาชิกมาก ได้แก่ Polish American, Fralinger, Quaker City, Avalon,Uptown, Aqua, Pennsport, South Philadelphia, Greater Kensington, Greater Overlook, Woodland, Hegeman, Durning, Duffy, Broomall, Ferko,
- Wench Brigade เข้ามาร่วมกับ Mummers เมื่อปีค.ศ. 2011 เป็นส่วนที่แตกออกมาจากกลุ่ม Comics ผู้คนในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จึงเป็นพวก Mummers ดั้งเดิมและใช้วิธีการเดินให้เข้ากับดนตรีสด พวกเขาชอบแต่งกายด้วยผ้าซาติน ประกอบด้วยสโมสรต่างๆที่มีสมาชิกสโมสรละ 100 คนขึ้นไป อาทิ เช่น Americans, Riverfront, Cara Liom, Bryson, Bryson, Pirates, O’Malley, JHJ Saints, Froggy Carr, Oregon
ผู้สนใจเข้าร่วมชมขบวนพาเหรด Mummers ในปี 2020 เข้าไปศึกษารายละเอียดของงานได้ที่เว็บไซต์ https://www.mrmummer.com/blog/2019/10/2020-mummers-parade-guide/
ที่มา : http://phillymummers.com/extended-history/, https://www.pennlive.com/life/2017/12/what_is_a_mummer_history_defin.html, https://en.wikipedia.org/wiki/Mummers_Parade, http://quakercitystringband.com/a-history-of-mumming-how-the-mummers-got-here/, http://www.popflock.com/learn?s=Mummer%27s_Parade
Copyright © 2010-2019 GoVisaEdu All rights reserved.