การซื้อของในต่างประเทศโดยทั่วไปแล้วจะไม่มีการต่อรองอย่างเด็ดขาด เพราะทุกร้านจะมีการปิดราคาตายตัว นอกจากในบางกรณีเท่านั้น เช่น การซื้อของใช้แล้ว ซึ่งสามารถต่อราคาได้ ดังนั้นควรสืบดูราคาจากร้านต่างๆเอาเองว่า ร้านไหนมีสินค้าคุณภาพดี ราคาไม่แพงมาก ควรซื้อที่ร้านนั้น สินค้าที่ซื้อทุกชิ้น จะต้องเสียภาษีการขาย Sale Tax หรือที่เมืองไทยใช้คำศัพท์ว่า ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax) ภาษีนี้จะแตกต่างกันแต่ละเมืองแต่ละรัฐหรือแต่ละประเทศ ราคาที่แท้จริง คือ ราคาขายที่ร้านค้าตั้งไว้-ราคาภาษี ในบางรัฐ เวลาซื้อของไม่มี Sale Tax เช่น รัฐ Oregon ราคาสินค้าบางชิ้น อาจแพงกว่าราคาสินค้าประเภทเดียวกัน แต่ขายในรัฐอื่นบ้างเล็กน้อย หรือ บางเมืองเช่น Boston อาจไม่มี Sale Tax สินค้าประเภทอาหาร หรือ รัฐ New Jersey ไม่คิด Sale Tax สินค้าประเภทอาหารและเสื้อผ้า เป็นต้น
” The difference among department stores and stores in the U.S. Here are some example na ka:
Nordstorm, Macy’s >> luxury department store like siam center or paragon
JC Penny >> cheaper department store like Robinson (lower grade).
Target, wallmart >> they are like Lotus a ka. Pretty much like supermarket, but also provide some cloths
CVS, QFC, Safeway, Alberson, Bartell Drugstore >> these are supermarket ka
Ross, Marshalls >> stores that sell cloth (many kind, mix and do not match), shoes, furniture, and silverware. It’s a lot cheaper from department store ka.
Goodwill >> second hand store ka ”
ในสหรัฐอเมริกา นักศึกษายังสามารถหาซื้อของใช้แล้วได้จาก Garage Sale และบางเมืองมีตลาดประเภท Flea Market ไว้ขายของถูกให้กับคนที่มีรายได้ไม่มากอีกด้วย
Copyright © 2010 GoVisa All rights reserved.