ข้อควรระวังในการถูกปฏิเสธวีซ่านักเรียน (F-1)

นักศึกษาหลายท่านมีความกังวลกลัวว่า ตนเองจะมีปัญหาขอวีซ่านักเรียนไม่ผ่าน บล็อกนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยคลายความกังวลดังกล่าว  โดยขอให้นักศึกษาทบทวนสิ่งต่อไปนี้ คือ

1. แผนการที่จะเดินทางเข้าไปศึกษาต่อในประเทศสหรัฐอเมริกาว่าเป็นอย่างไร

2. ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ที่ออกค่าใช้จ่ายให้นักศึกษาและนักศึกษามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดมากน้อยอย่างไร ผู้ออกค่าใช้จ่ายในการเรียนหรือผู้ปกครองประกอบอาชีพอะไร มีรายรับปีละเท่าไร สามารถรับผิดชอบดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมดซึ่งประกอบด้วยค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายส่วนตัวได้ปีละเท่าไร ซึ่งภาพรวมดูแล้วจะสามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายของสถานศึกษาแห่งนั้นได้หรือไม่

จากการที่ได้มีโอกาสฟังการบรรยายเรื่องแนวทางการพิจารณาการขอวีซ่านักเรียนจากเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐฯตามงานนิทรรศการการศึกษาต่อประเทศสหรัฐอเมริกา หากนักศึกษาท่านใดสามารถตอบคำถามต่างๆเหล่านี้ให้กระจ่างแก่ท่านกงสุลได้ทั้งหมด ความวิตกกังวลที่กลัวว่าจะไม่ได้รับวีซ่าก็จะหายไปได้ คำถามเหล่านั้น เช่น

  1. คุณมีความผูกพันต่างๆเหล่านี้อยู่นอกประเทศสหรัฐอเมริกา เช่น ความผูกพันทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมและครอบครัว
  2. ครอบครัวคุณสามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของหลักสูตรที่คุณจะไปศึกษาต่อได้
  3. คุณมีประสบการณ์ทางการศึกษาที่ผ่านมาอะไรบ้าง
  4. คุณมีคุณสมบัติเป็นนักศึกษาอย่างแท้จริงหรือไม่
  5. ทางบ้านคุณมีเงินในบัญชีธนาคารครอบคลุมค่าใช้จ่ายอย่างน้อยหนึ่งปีแรกของการไปศึกษาต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกาหรือไม่
  6. คุณสามารถที่จะแสดงแหล่งเงินทุนในอนาคตว่ามีพอที่จะสนับสนุนการศึกษาในปีถัดๆไปได้ไหม
  7. หลักสูตรที่คุณเลือกตัดสินใจไปศึกษาต่อมีความเป็นเหตุเป็นผลต่อเนื่องจากคุณสมบัติเดิมทางการศึกษาของคุณ และมีผลต่อเนื่องกับเป้าหมายในอนาคตของคุณ

สำหรับนักศึกษาที่ไม่ได้รับวีซ่า นักศึกษามักจะได้รับแบบฟอร์มหลักๆอยู่ 2 ประเภทคือ

1. แบบฟอร์ม 221 (g) หมายความว่า นักศึกษาต้องนำหลักฐานไปแสดงเพิ่ม ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://travel.state.gov/visa/frvi/denials/denials_1361.html

บางท่านอาจจะอยากเห็นตัวอย่างของแบบฟอร์ม 221(g) ขอแนะนำให้ลองเข้าไปพิจารณาที่เว็บไซต์  http://www.immihelp.com/visas/221grefusal/221g-blue-sample-form-chennai.pdf

2. แบบฟอร์ม 214(b) หมายความว่า นักศึกษาถูกปฏิเสธวีซ่าจากสถานกงสุล อาจจะด้วยสาเหตุจากผู้ที่เป็น sponsor หรือด้วยสาเหตุอื่นๆ เช่น สาเหตุที่ไม่สามารถแสดงให้กงสุลเห็นว่า นักศึกษาท่านนั้นมีคุณสมบัติของความเป็นนักศึกษาอย่างแท้จริง เป็นต้น

สำหรับผู้ที่ถูกปฏิเสธวีซ่าด้วยเหตุผลที่ไม่รุนแรงนัก ผู้ยื่นขอวีซ่าสามารถเตรียมเอกสารเพิ่มเติม และทำการกรอกฟอร์ม DS-160 ใหม่พร้อมทั้งทำการนัดวันสัมภาษณ์ใหม่เพื่อให้กงสุลพิจารณาอีกครั้งได้

Copyright © 2010-2012 GoVisa All rights reserved

ถ้าวีซ่านักเรียนถูกปฏิเสธ สามารถยื่นขอวีซ่าใหม่ได้เมื่อไร

นักเรียน นักศึกษาที่ถูกปฏิเสธวีซ่าครั้งแรก สามารถยื่นขอวีซ่าใหม่ได้อีก แต่การยื่นขอวีซ่าครั้งใหม่ ผู้ยื่นควรทบทวนก่อนว่า

1. เมื่อตอนสัมภาษณ์รอบแรกนั้น สามารถตอบคำถามกงสุลได้ทุกคำถามหรือไม่

2. มีคำถามใดที่เราตอบไปแล้วอาจสร้างความไม่มั่นใจให้กงสุลได้ว่า เราตั้งใจไปเรียนแล้วจะกลับประเทศไทย

3. กงสุลขอดูเอกสารใดแล้วเราไม่มีไปให้ดู

4. เราฟังภาษาอังกฤษที่กงสุลถามมาไม่เข้าใจ เลยตอบคำถามผิด

สิ่งต่างๆเหล่านี้ต้องนำกลับมาทบทวนดูใหม่อีกครั้ง ถ้าไม่มั่นใจว่า เราคิดเองถูกหรือผิด ให้ลองเข้าไปขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ ตามหน่วยงานแนะแนวที่มีชื่อเสียง การลองรับฟังความคิดเห็นจากผู้อื่นบ้าง จะทำให้เราเพิ่มความรอบคอบขึ้นในครั้งที่ 2  หรือ อาจทำให้เราคาดคะเนได้ว่า ควรนำเอกสารใดไปเพิ่มอีกบ้าง เพื่อให้กงสุลมั่นใจว่า เราตั้งใจไปเรียนต่อจริง และเมื่อเรียนจบแล้ว จะกลับมาอยูที่ประเทศไทย เมื่อเร็วๆนี้ ได้รู้จักนักศึกษาท่านหนึ่ง ตั้งใจไปเรียนภาษาที่ Los Angeles โดยจะไปกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง เพื่อนได้วีซ่านักเรียน (F-1) แต่ตัวเองไม่ผ่านวีซ่า ได้มีโอกาสคุยกับนักศึกษาท่านนั้น ทราบว่า กงสุลไม่มั่นใจอยู่ 2 ประเด็นคือ ไปพักบ้านญาติ แต่กลับตอบคำถามไม่ได้ว่าญาติทำธุรกิจอะไร อีกประการที่กงสุลสงสัย คือ รายรับผู้ปกครองน้อยเกินกว่า ที่จะส่งนักเรียนเรียนภาษาและเรียนต่อปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจได้  จึงแนะนำให้ผู้ปกครองนักศึกษาท่านนั้นทำจดหมายชี้แจงรายรับว่า มีที่มาจาก 2 แหล่ง คือ เงินเดือนประจำ จำนวนเท่าไรต่อปี และ รายรับจากการเป็นที่ปรึกษาบริษัทเอกชนอีก 1 แห่ง นอกเหนือจากงานประจำ และควรชี้แจงด้วยว่ารายรับที่ได้มาจากบริษัทที่ 2 นี้ตกปีละประมาณเท่าไร นักศึกษาท่านนี้กลับเข้าไปขอวีซ่าใหม่อีกครั้ง ได้รับคำถามเดิมเกี่ยวกับญาติที่จะไปพักด้วย ซึ่งนักศึกษาได้ชี้แจงกงสุลไปว่าจริงๆไม่ใช่ญาติ เป็นเพื่อคุณพ่อ แต่ด้วยความตกใจในครั้งแรกที่ถูกถามจึงตอบผิดไป และตอบเรื่องอาชีพของเพื่อนพ่อในครั้งที่ 2 นี้ได้ กงสุลขอดูหลักฐานทางการเงินของคุณพ่อเพิ่มเติม กงสุลเกิดความมั่นใจในครั้งนี้ ทำให้นักศึกษาท่านนั้นได้รับวีซ่า และสามารถเดินทางไปทันเปิดเรียนเมื่อวันที่  21  กันยายน 2553 ที่ผ่านมาได้

ดังนั้น เมื่อถูกปฏิเสธวีซ่าครั้งแรก อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ ให้คิดทบทวนคำถามต่างๆที่กงสุลถามเรามา และลองวินิจฉัยดูว่า มีคำถามใดที่เราอาจให้คำตอบ ที่ทำให้กงสุลไม่มั่นใจว่า เราจะกลับประเทศไทยเมื่อศึกษาจบแล้ว การยื่นขอวีซ่าใหม่ ควรเตรียมหาหลักฐานเพิ่มเติม อย่ากลับเข้าไปขอวีซ่าใหม่โดยไม่มีการเตรียมเอกสารใดๆเพิ่มเติม เพราะอาจทำให้เราไม่ได้รับวีซ่าอีกเป็นครั้งที่ 2  ได้ และทำให้เรารู้สึกเสียดายเงินค่าวีซ่าที่ต้องจ่ายที่ไปรษณีย์จำนวน 4,620 บาท และค่านัดหมายวีซ่าอีก 396 บาทด้วย

Copyright © 2010 GoVisa All rights reserved.