การสมัครสอบผู้ช่วยผู้พิพากษา

การสมัครสอบผู้ช่วยผู้พิพากษา

การสมัครสอบผู้ช่วยผู้พิพากษา ระเบียบการสอบคัดเลือกเป็นผู้พิพากษาสามารถเลือกสมัครสอบได้ 3 วิธีดังนี้คือ

1. การสอบคัดเลือกสนามใหญ่ สำหรับผู้ที่จบนิติศาสตร์บัณฑิต(น.บ.) หรือสอบไล่ได้ปริญญาหรือประกาศนียบัตรทางกฎหมายจากต่างประเทศ ซึ่งก.ต.เทียบไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี และประกอบวิชาชีพด้านกฎหมายที่ก.ต.กำหนดไม่น้อยกว่า 2 ปี

2. การทดสอบความรู้มี  2 สนาม คือ สนามเล็ก กับ สนามเล็กเฉพาะกลุ่ม

สนามเล็ก กำหนดคุณสมบัติไว้ 7 ประเภทคือ

ก. จบปริญญาหรือประกาศนียบัตรทางกฎหมายจากต่างประเทศ โดยมีหลักสูตรเดียวไม่น้อยกว่า 3 ปี ซึ่งก.ต.เทียบไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี หรือจบปริญญาเอกทางกฎหมายจากมหาวิทยาลัยในประเทศซึ่งก.ต.รับรอง

ข. จบปริญญาหรือประกาศนียบัตรทางกฎหมายจากต่างประเทศ โดยมีหลักสูตรเดียวหรือหลายหลักสูตรรวมกันไม่น้อยกว่า 2 ปี ซึ่งก.ต.เทียบไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี และประกอบวิชาชีพด้านกฎหมายไม่น้อยกว่า 1 ปี

ค. จบปริญญาโททางกฎหมายในประเทศ ซึ่ง ก.ต.รับรอง และได้ประกอบวิชาชีพด้านกฎหมายไม่น้อยกว่า 1 ปี

ง. จบนิติศาสตร์บัณฑิตเกียรตินิยม และเป็นอาจารย์ในคณะนิติศาสตร์ในมหาวิทยาลัยของรัฐเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี

จ. จบนิติศาสตร์บัณฑิต และเป็นข้าราชการศาลยุติธรรมตำแหน่งนิติกร หรือเจ้าพนักงานศาลยุติธรรมระดับ 6 ขึ้นไป ซึ่งทำงานด้านกฎหมายตามที่ ก.ต.กำหนดไม่น้อยกว่า 6 ปี และเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม รับรองความประพฤติ

ฉ. จบนิติศาสตร์บัณฑิต และจบปริญญาโท หรือปริญญาเอกในสาขาวิชาที่ก.ต.กำหนด เช่น แพทย์ ทันตแพทย์ สัตวแพทย์ วิศว สถาปัตย์ เภสัช บัญชี พยาบาล และประกอบวิชาชีพทางกฎหมายในสาขาวิชาที่ก.ต.กำหนดนี้ หรือประกอบวิชาชีพทางกำหมายไม่น้อยกว่า 3 ปี

ช. จบนิติศาสตร์บัณฑิต และจบปริญญาตรีในสาขาวิชาที่ ก.ต.กำหนด เช่น แพทย์ ทันตแพทย์ วิศว สถาปัตย์ เภสัช บัญชี พยาบาล และประกอบวิชาชีพในสาขาวิชาที่ก.ต.กำหนดนี้ไม่น้อยกว่า 10 ปี จนมีความเชี่ยวชาญ ซึ่งต้องยื่นเอกสารแสดงผลงานในวันที่ยื่นใบสมัครด้วย

สำหรับ ผู้สมัครประเภท ก, ข, และค มีเงื่อนไขด้วยว่า จะต้องศึกษาสอบไล่ได้วิชากฎหมายจากต่างประเทศ หรือศึกษาปริญญาโทในประเทศ ดังนี้

กรณีแรก ต้องศึกษาและสอบไล่ได้ในวิชา

  • กฎหมายอาญา
  • กฎหมายแพ่ง ซึ่งพอเทียบได้กับลักษณะใดลักษณะหนึ่งในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ รวม 4 วิชา หรือกฎหมายแพ่งซึ่งพอเทียบได้กับลักษณะใดลักษณะหนึ่งในประมวลกฎหมายแพ่งฯ และกฎหมายพิเศษรวมกันไม่น้อยกว่า 4 วิชา และ
  • กฎหมายลักษณะพยานหลักฐานหรือ วิ.อาญา หรือ วิ.แพ่ง หรือล้มละลาย

กฎหมายพิเศษ ได้แก่ รัฐธรรมนูญ ปกครอง มหาชน นิติปรัชญา การบริหาร กระบวนการยุติธรรม พาณิชย์นาวี ทะเล อากาศ อวกาศ โทรคมนาคม สิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ สิทธิมนุษยชน คอมพิวเตอร์ การค้าระหว่างประเทศ การดำเนินคดีระหว่างประเทส เครื่องหมายการค้า สิทธิบัตร ลิขสิทธิื เด็กและเยาวชน นิติเวชศาสตร์ อาชญาวิทยา อาชญากรรมทางธุรกิจ แรงงาน ภาษีอากร ล้มละลาย ระหว่างประเทศ อาญาระหว่างประเทศ การขัดกันแห่งกฎหมาย คุ้มครองผู้บริโภค การระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการ เทคโนโลยีสารสนเทศ ธุรกิจ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การลงทุน การเงินการธนาคาร หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ การป้องกันการผูกขาดหรือการแข่งขันทางการค้า การเกษตร และกฎหมายพลังงาน

กรณีที่สอง ต้องศึกษาและสอบไล่ได้หลักสูตรกฎหมายเฉพาะด้าน ได้แก่ กฎหมายเด็กและเยาวชน แรงงาน ภาษีอากร ทรัพย์สินทางปัญญา การค้าระหว่างประเทศ พาณิชย์นาวี ล้มละลาย

กรณีที่สาม สอบไล่ได้ในวิชากฎหมายที่อยู่ในกลุ่มวิชากฎหมายกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งตามกรณีที่สองไม่น้อยกว่า 4 วิชา และสอบไล่ได้ในวิชาตามกรณีแรกอีกไม่น้อยกว่า 2 วิชา โดยอย่างน้อย 1 วิชาต้องเป็นวิชาตามข้อ 1, 3 หรือกฎหมายแพ่งซึ่งพอเทียบได้กับลักษณะใดลักษณะหนึ่งในประมวลกฎหมายแพ่งฯ

สนามเล็กเฉพาะกลุ่ม ก.ต.อาจพิจารณาเปิดสอบสนามเล็กเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งตามมาตรา 28(ก)-(ช) หรือหลายกลุ่มรวมกันก็ได้ เช่น เปิดสอบสนามเล็กเฉพาะกลุ่ม (ก) (ข)

3. การคัดเลือกพิเศษ (สนามพิเศษ) สำหรับผู้มีวุฒิพิเศษในด้าน

  • เป็นหรือเคยเป็นศาสตราจารย์หรือรองศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยของรัฐ ซึ่งต้องมีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ดีเด่นในสาขาวิชากฎหมายที่ก.ต.กำหนด
  • เป็นหรือเคยเป็นอาจารย์ในคณะนิติศาสตร์ในมหาวิทยาลัยของรัฐไม่น้อยกว่า 5 ปี ซึ่งต้องสอนหรือเคยสอนวิชากฎหมายที่ก.ต.กำหนดวิชาใดวิชาหนึ่งหรือหลายวิชามารวมแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี
  • เป็นหรือเคยเป็นข้าราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้อำนวยการกอง หรือเทียบเท่าขึ้นไป ซึ่งต้องปฏิบัติหน้าที่ที่เกียวข้องกับสาขาวิชากฎหมายที่ก.ต.กำหนดเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี
  • เป็นหรือเคยเป็นทนายความไม่น้อยกว่า 10 ปี ได้ว่าความในศาลโดยเป็นทนายความผู้ทำหน้าที่หลักในการที่ศาลออกนั่งพิจารณามาแล้วไม่น้อยกว่า 100 เรื่อง ซึ่งต้องเป็นคดีแพ่งไม่น้อยกว่า 25 เรื่อง และเป็นคดีที่เกียวข้องกับสาขาวิชากฎหมายที่ก.ต.กำหนด ไม่น้อยกว่า 30 เรื่อง โดยมีหนังสือรับรองของผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณา

สาขาวิชาที่ก.ต.กำหนดสำหรับการสอบคัดเลือกพิเศษ ได้แก่ กฎหมายรัฐธรรมนูญ ปกครอง มหาชน นิติปรัชญา การบริหารกระบวนการยุติธรรม พาณิชย์นาวี ทะเล อากาศ อวกาศ โทรคมนาคม สิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ สิทธิมนุษยชน คอมพิวเตอร์ การค้าระหว่างประเทศ การดำเนินคดีระหว่างประเทศ เครื่องหมายการค้า สิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ เด็กและเยาวชน นิติเวชศาสตร์ อาชญาวิทยา อาชญากรรมทางธุรกิจ แรงงาน ภาษีอากร ล้มละลาย ระหว่างประเทศ อาญาระหว่างประเทศ การขัดกันแห่งกฎหมาย คุ้มครองผู้บริโภค การระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการ เทคโนโลยีสารสนเทศ ธุรกิจ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การลงทุน การเงินการธนาคาร หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ป้องกันการผูกขาดหรือการแข่งขันทางการค้า การเกษตร และกฎหมายพลังงาน

สำหรับผู้ที่ต้องการไปศึกษาต่อต่างประเทศ สามารถตรวจสอบหลายชื่อสถานศึกษาในประเทศต่างๆที่ผ่านการเห็นชอบของก.ต.เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2555 ได้ที่เว็บไซต์ http://www.ojc.coj.go.th/system/ojc56/p_yao/march/university2556.pdf 

ลำดับที่

ชื่อประเทศ

จำนวน(แห่ง)

1

สหราชอาณาจักร

60

2

สาธารณรัฐฝรั่งเศส

10

3

สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน

3

4

ราชอาณาจักรสเปน

1

5

สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน)

1

6

เขตบริหารพิเศษฮ่องกง

1

7

ประเทศญี่ปุ่น

3

8

สหพันธ์รัฐรัสเซีย

1

9

ประเทศเนเธอร์แลนด์

5

10

ราชอาณาจักรสวีเดน

2

11

ราชอาณาจักรนอร์เวย์

1

12

ประเทศแคนาดา

1

13

ประเทศออสเตรเลีย

22

14

สาธารณรัฐสิงคโปร์

5

15

สหรัฐอเมริกา

97

16

มหาวิทยาลัยเอกชนในประเทศไทย

9

17

ปริญญานิติศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตในไทย

2

หมายเหตุ หากจบจากสถานศึกษาที่ไม่ได้มีรายชื่ออยู่ในรายการที่สำนักงานก.ต.รับรอง บัณฑิตสามารถยื่นหลักสูตรให้สำนักงานก.ต.พิจารณารับรองเพิ่มได้โดยก.ต.จะพิจารณาจากเนื้อหาของหลักสูตรว่าครอบคลุมเนื้อหาที่ก.ต.กำหนดไว้หรือไม่ นอกจากนี้เว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการศาลยุติธรรมยังมีกระดานถาม-ตอบ ( http://www.coj.go.th/home/webboard.php?webboard=ojc  ) ที่จะมีคลังคำถามและคำตอบที่เป็นประโยชน์ต่อการสมัครสอบผู้ช่วยผู้พิพากษาอีกด้วย

การประกอบวิชาชีพด้านกฎหมายที่ก.ต.กำหนด

1.  ทนายความ โดยได้ว่าความในศาลมาแล้วไม่น้อยกว่า 20 เรื่อง (สนามใหญ่) ไม่น้อยกว่า 10 เรื่อง (สนามเล็ก) แล้วแต่กรณี

2.  รองจ่าศาล/จ่าศาล, เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์, เจ้าพนักงานบังคับคดี, พนักงานคุมประพฤติของศาลยุติธรรม,อัยการ,นายทหารเหล่าพระธรรมนูญ

3.  อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์/ภาควิชานิติศาสตร์/สาขาวิชานิติศาสตร์ในมหาวิทยาลัยของรัฐ ซึ่งได้สอนวิชากฎหมายตามหลักสูตรนั้นๆมาแล้ว

4.  พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ ซึ่งทำหน้าที่พนักงานสอบสวนมาแล้วไม่น้อยกว่า 20 เรื่อง (สนามใหญ่) ไม่น้อยกว่า 10 เรื่อง (สนามเล็ก) แล้วแต่กรณี

5.  ข้าราชการศาลยุติธรรม ตำแหน่งเจ้าพนักงานศาลยุติธรรม (วุฒิทางกฎหมาย) ซึ่งได้ปฏิบัติงานด้านกฎหมาย

6.  นายทหารซึ่งทำหน้าที่นายทหารสืบสวนสอบสวน หรือนายทหารสารวัตสืบสวนสอบสวน กระทรวงกลาโหม ซึ่งสอบสวนคดีอาญาในศาลทหารไม่น้อยกว่า 20 เรื่อง (สนามใหญ่) ไม่น้อยกว่า 10 เรื่อง (สนามเล็ก)  แล้วแต่กรณี

7.  ข้าราชการตำแหน่งเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน สำนักงานป.ป.ส. ซึ่งปฏิบัติงานคดียาเสพติดมาไม่น้อยกว่า 20 เรื่อง (สนามใหญ่) ไม่น้อยกว่า 10 เรื่อง (สนามเล็ก) แล้วแต่กรณี

8.  ข้าราชการตำแหน่งเจ้าพนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานป.ป.ช. ซึ่งได้ปฏิบัติงานตรวจสอบทรัพย์สิน หรือไต่สวนและวินิจฉัยคดี

9.  ข้าราชการตำแหน่งนักวิชาการตรวจเงินแผ่นดิน (วุฒิทางกฎหมาย) สำนักงาน สตง. หรือนักวิชาการที่ดิน (วุฒิทางกฎหมาย) กรมที่ดิน ซึ่งได้ปฏิบัติงานด้านกฎหมาย

10.เจ้าพนักงานการเลือกตั้ง (งานนิติการ) สำนักงานกกต. ซึ่งได้ปฏิบัติงานด้านกฎหมาย หรือเจ้าพนักงานการเลือกตั้ง (งานวินิจฉัยหรืองานสืบสวนสอบสวน) หรือพนักงานสืบสวนสอบสวน สำนักงานกกต. ซึ่งปฏิบัติงานพิจารณาวินิจฉัยหรือสอบสวนมาไม่น้อยกว่า 20 เรื่อง (สนามใหญ่) ไม่น้อยกว่า 10 เรื่อง (สนามเล็ก) แล้วแต่กรณี

11.ข้าราชการหรือลูกจ้างในกระทรวงยุติธรรม ทำหน้าที่พนักงานคุมประพฤติ

12.เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือลูกจ้างในหน่วยงานของรัฐ ปฏิบัติงานในหน้าที่นิติกร

13.พนักงานของสถาบันการเงินที่ก.ต.รับรองปฏิบัติในหน้าที่นิติกร

14.อาจารย์ผู้บรรยายประจำวิชาของคณะนิติศาสตร์ในสถาบันอุดมสึกษาเอกชนที่ทบวงมหาวิทยาลัยให้การรับรองมาตราฐานการศึกษาของหลักสูตรคณะนิติศาสตร์ ซึ่งได้สอนวิชากฎหมายตามหลักสูตรคณะนิติศาสตร์มาแล้ววิชาใดวิชาหนึ่งหรือหลายวิชาดังนี้ แพ่งและพาณิชย์ อาญา วิ.แพ่ง วิ.อาญา พยาน ล้มละลาย พระธรรมนูญศาล วิ.อาญาในศาลแขวง รัฐธรรมนูญปกครอง ทรัพย์สินฯ ภาษี แรงงาน การค้าฯ พาณิชย์นาวี หรือกฎหมายระหว่างประเทศ

15.เจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญ (วุฒิทางกฎหมาย) สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งปฏิบัติงานด้านกฎหมาย

16.นักวิจัยหรือผู้ช่วยนักวิจัย (วุฒิทางกฎหมาย) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งชาติ ซึ่งปฏิบัติงานด้านกฎหมาย

17.ตำรวจซึ่งทำหน้าที่นิติกร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งปฏิบัติงานหน้าที่นิติกร

18.พนักงานคดีปกครอง (วุฒิทางกฎหมาย) สำนักงานศาลปกครอง ซึ่งปฏิบัติงานด้านกฎหมาย

19.พนักงานสอบสวนคดีพิเศา หรือเจ้าหน้าที่คดีพิเศษ (วุฒิทางกฎหมาย) กรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งปฏิบัติงานด้านกฎหมาย

20.เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน (วุฒิทางกฎหมาย) สำนักงาน ปปง.ซึ่งปฏิบัติงานสอบสวนคดีเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินไม่น้อยกว่า 20 เรื่อง (สนามใหญ่) ไม่น้อยกว่า 10 เรื่อง (สนามเล็ก) แล้วแต่กรณี

21.ประกอบวิชาชีพอย่างอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับกฎหมายในลักษณะทำนองเดียวกันหรือเทียบได้กับวิชาชีพดังกล่าวข้างต้น ซึ่ง ก.ต. รับรองเป็นรายกรณี

การสมัครสอบผู้ช่วยผู้พิพากษา

ขอรับใบรับรองและเอกสารต่างๆ เช่น หนังสือรับรองการประกอบวิชาชีพ ระเบียบ ก.ต.เกี่ยวกับการสอบได้ที่ กลุ่มสรรหาบรรจุและแต่งตั้ง สำนักงานก.ต. สำนักงานศาลยุติธรรม อาคารศาลอาญา ชั้น 5 โทร. 02-513-5654, 02-541-2295

ขั้นตอนการดำเนินการสมัครสอบ

1.   รับใบสมัครตามที่ประกาศกำหนด

2.   ยื่นใบสมัครด้วยตนเองที่ สำนักงาน ก.ต. พร้อมเอกสารและหลักฐานให้ครบถ้วนในวันที่ยื่นใบสมัคร

3.   ผู้สมัครรับการตรวจร่างกายและจิตใจจากคณะกรรมการแพทย์

4.   ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิสอบและกำหนดการสอบ

5.   ประกาศเลขที่นั่งสอบและรับบัตรสอบ

6.   สอบข้อเขียน

7.   ประกาศรายชื่อผู้สอบผ่านข้อเขียนและมีสิทธิเข้าสอบปากเปล่า

8.   สอบปากเปล่า

9.   ประกาศรายชื่อผู้สอบผ่านและมีสิทธิบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตุลาการในตำแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษา

เอกสารและหลักฐานการสมัครสอบ 

กรณีสมัครใหม่

กรณีสมัครเก่า

1.ใบสมัคร 1.ใบสมัคร
2.สำเนาปริญญานิติศาสตร์บัณฑิต 2.ใบรับรองสามัญสมาชิก (ออกไว้ไม่เกิน 6 เดือน)
3.สำเนาประกาศนียบัตร นบ.ท. 3.รูปถ่าย 1 นิ้ว จำนวน 4 รูป
4.ใบรับรองสามัญสมาชิก 4.ค่าสมัครสอบ 100 บาท
5.สำเนาทะเบียนบ้านหรือบัตรประชาชน 5.ค่าตรวจร่างกายและจิตใจ 1,000 บาท
6.รูปถ่าย 1 นิ้ว จำนวน 4 รูป
7.หนังสือรับรองการประกอบวิชาชีพทางกฎหมาย (ทนายความต้องมีหนังสือรับรองของสภาทนายความด้วย)
8.สำเนาก.พ.7ในกรณีเป็นหรือเคยเป็นข้าราชการ
9.บันทึกชี้แจงคดีและเอกสารเกี่ยวกับคดี ในกรณีเคยถูกฟ้องหรือถูกกล่าวหาในคดีอาญา คดีแพ่ง หรือวินัย
10.ค่าสมัครสอบ 100 บาท
11.ค่าตรวจร่างกายและจิตใจ 1,000 บาท
12.ผู้สมัครสอบสนามเล็กนอกจากจะต้องยื่นเอกสารดังกล่าวข้างต้นแล้วจะต้องยื่นเอกสารเพิ่มเติมดังนี้
12.1สำเนาปริญญานิติศาตร์มหาบัณฑิต
12.2สำเนาแสดงผลการศึกษา
12.3หลักสูตรการศึกษาและหนังสือรับรองมาตราฐานการศึกษาในกรณีเป็นมหาวิทยาลัยที่ก.ต.ยังไม่รับรอง
เอกสารลำดับที่ 2,3,5,12.1,12.2 ต้องแสดงต้นฉบับด้วยและหากเอกสารเป็นภาษาต่างประเทศผู้สมัครจะต้องแปลเป็นภาษาไทยพร้อมรับรองคำแปล

การสอบสนามใหญ่ ใช้เวลาสอบข้อเขียน 3 วัน ผู้ที่สอบผ่านข้อเขียนต้องได้คะแนนไม่ต่ำกว่า 50% ( 140 คะแนนขึ้นไป) จึงมีสิทธิเข้าสอบปากเปล่า คะแนนสอบปากเปล่า 100 คะแนน และต้องได้คะแนนสอบปากเปล่าไม่ต่ำกว่า 50% จึงผ่านการสอบปากเปล่า ผู้ที่สอบผ่านต้องได้คะแนนสอบข้อเขียนและปากเปล่ารวมกันตั้งแต่ 60% ขึ้นไป

ที่มาของข้อมูล เอกสารเผยแพร่เรื่อง  การสรรหาผู้พิพากษาในศาลยุติธรรม” ของ สำนักงาน ก.ต. สำนักงานศาลยุติธรรม อาคารศาลอาญา ชั้น 5 ถนนรัชดาภิเษก จตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900  โทร 0-2513-5654, 0-2541-2295 โทรสาร 0-2513-5654, 0-2541-2294  www.coj.go.th หรือ สอบถามเกี่ยวกับการศึกษาต่อต่างประเทศทางกฎหมายได้ที่สำนักงาน ก.ต.โทร. 0-2142-4440

Copyright © 2010-2013 GoVisa All rights reserved