ในขณะที่เมืองไทยเพิ่งผ่านกฎหมายอนุญาตให้ใช้กัญชาและกระท่อมเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ได้แล้ว โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2562 หลังจากวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562 ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่ 7 พ.ศ. 2562 สำหรับเหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ เนื่องจากพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานานและมีบทบัญญัติบางประการที่ไม่ทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน นอกจากนี้ ปรากฏผลการวิจัยว่าสารสกัดจากกัญชาและพืชกระท่อมมีประโยชน์ทางการแพทย์เป็นอย่างมาก ซึ่งหลายประเทศทั่วโลกได้แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย เพื่อเปิดโอกาสให้มีการอนุญาตให้ประชาชนใช้กัญชา และพืชกระท่อมเพื่อประโยชน์ในการรักษาโรคและประโยชน์ในทางการแพทย์ได้ ทีมนักวิจัยที่คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับกัญชาตลอดช่วงปีที่ผ่านมา แต่พวกเขาสามารถทดลองได้เพียงในหลอดทดลองและกับสัตว์เท่านั้น เนื่องจากกฎหมายไม่อนุญาตให้ทดลองกับมนุษย์ ตามความเห็นของ รศ.ดร. ภญ. นริศา คำแก่น หัวหน้าโครงการวิจัยและพัฒนากัญชาเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายให้ทดลองกับมนุษย์ได้นี้ จะช่วยให้การทำงานวิจัยเกี่ยวกับกัญชาสามารถดำเนินการได้ครบถ้วนตามระเบียบวิธีวิจัยของการค้นพบยาใหม่ (Novel Drug Discovery): https://www.bbc.com/thai/thailand-47288335
ประเทศสหรัฐอเมริกาได้เริ่มมีหลักสูตรเรื่องกัญชาว่า เป็นพืชทางการแพทย์ หรือ Medicinal Plant Chemistry กันในมหาวิทยาลัยตั้งแต่ปี 2017 (พ.ศ. 2560) ส่วนใหญ่จะเป็นหลักสูตรในระดับปริญญาตรี มีบ้างที่เป็นหลักสูตรในระดับปริญญาโท และบางรัฐมีการเปิดเป็นโรงเรียนเพื่อสอนกันตั้งแต่เริ่มต้นปลูกกัญชาและการทำธุรกิจเกี่ยวกับกัญชา ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้หมายความว่า จะมีการซื้อขายกัญชาได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายทั้ง 50 รัฐ มีเพียง 33 รัฐกับเมืองหลวงคือ Washington DC ที่ยอมรับว่ากัญชาเป็นสิ่งทั้ถูกต้องตามกฎหมาย และ มีเพียง 11 รัฐ ที่ยอมรับว่า สามารถนำกัญชามาใช้เพื่อการผ่อนคลายได้นอกเหนือจากเพื่อการแพทย์ 11 รัฐดังกล่าวได้แก่ รัฐ Alaska, รัฐ California, รัฐ Colorado, รัฐ Illinois, รัฐ Maine, รัฐ Massachusetts, รัฐ Michigan, รัฐ Nevada, รัฐ Oregon, รัฐ Vermont และรัฐ Washington รัฐที่เหลือจะยอมรับกัญชาได้เพียงนำมาใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ https://www.governing.com/gov-data/safety-justice/state-marijuana-laws-map-medical-recreational.html นอกจากนี้ในรัฐที่ยอมรับกัญชาว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย ก็ต้องศึกษาด้วยว่ามีเงื่อนไขอื่นๆแทรกอยู่ด้วยไหม เช่น ในรัฐ Vermont ผู้ที่จะปลูกและสามารถมีกัญชาไว้ในครอบครองได้ต้องมีอายุ 21 ปีขึ้นไป หรือในรัฐ Washington ห้ามปลูกกัญชาในบ้านตนเอง ุิอว่าเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย การปลูกกัญชาต้องปลูกในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้ทำการปลูกกัญชาได้เท่านั้น เป็นต้น
การได้รับใบอนุญาตให้มีกัญชาของสหรัฐมีทั้งหมด 12 ประเภท 4 ประเภทแรกเป็นเรื่องของผู้ปลูก ประเภทที่ 5 ถึง 12 เป็นเรื่องของผู้จำหน่าย, ผ๔ู้ทดสอบ และผู้ขนส่ง ในเรื่องของการปลูกจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆคือ ปลูกกลางแจ้ง (outdoor) และปลูกในโรงเรือน ( indoor) ในเรื่องของการปลูกที่แบ่งออกเป็น 4 ประเภทนั้นพิจารณาจากจำนวนพิ้นที่ในการปลูก การใช้แสงสว่างเทียม การใช้แสงตามธรรมชาติ หรือ เป็นการใช้แสงสว่างผสมผสานทั้ง 2 ประเภทที่กล่าวมา ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของ County Mendocino ในรัฐ California : https://www.co.mendocino.ca.us/bos/meetings/28304/28334/28514/28551/LicenseTypes28551.pdf
การเก็บเกี่ยวกัญชาจะทำกันในเดือนตุลาคมของทุกปี บริเวณที่เป็นแหล่งปลูกกัญชากันมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา ได้แก่
- Emerald Triangle ตั้งอยู่ทางภาคเหนือของรัฐ California ประกอบด้วยเมือง Humboldt, Mendocino และ Trinity County โดยเกษตรกรเรื่มปลูกกัญชากันตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960 อุตสาหกรรมการเพาะปลูกกัญชาในบรืเวณนี้ได้ขยายตัวเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่รัฐ California ได้มีพระราชบัญญัติออกมาในปี 1996 ว่า สามารถนำกัญชาไปใช้ทางการแพทย์ได้ ผู้คนในแถบ Emerald Triangle จึงประกอบการทำการอุตสาหกรรมการเกษครกัญชากันเป็นส่วนใหญ่ และเป็นการปลูกในไร่กลางแจ้งแบบ Outdoor ไม่ใช่ในโรงเรือนแบบ Indoor Emerald Triangle สามารถทำผลผลิตได้เป็นอันดับหนึ่งของทั้งประเทศในประเภทการเพาะปลูกทั้งแบบ Outdoor และแบบ Indoor คือ เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ 1.7 ล้านปอนด์ต่อปี
- รัฐ Washington ติดอันดับ 2 ของผลผลิตแบบ Indoor แม้จะมีปัญหาในเรื่องฝนตกบ่อยกว่าและแสงแดดน้อยกว่ารัฐ California อยู่บ้างก็ตาม
- รัฐ Oregon ติดอันดับ 4 ของการเพาะปลูกกัญชาแบบ Indoor
- รัฐ Maine เป็นอีกรัฐที่เนเนการปลูกแบบ Outdoor
- รัฐ Tennessee เป็นรัฐที่ติดอันดับ 2 และรัฐ Kentucky เป็นรัฐที่ติดอันดับ 3 ของประเทศที่ทำไร่แบบ Outdoor ( https://www.drugscience.org/Archive/bcr2/domstprod.html) แม้ทั้ง 2 รัฐยังต้องต่อสู้เพื่อให้กัญชาเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายอยู่ก็ตาม
- รัฐ Florida ติดอันดับ 3 ของการปลูกกัญชาแบบ Indoor พิ้นที่ปลูกจะอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า Triangle Kush คือบริเวณเมือง Jacksonville, Miami และ Tampa และกัญชาเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายถ้านำมาใช้เพื่อการแพทย์เท่านั้น
แน่นอนว่าเมื่อมีการทำการเกษตรกันเป็นเรื่องเป็นราว ก็ย่อมต้องมีการศึกษาวิจัยตั้งแต่การเพาะปลูกไปจนถึงประโยชน์ของกัญชา เพื่อจะนำไปพัฒนาไปเป็นสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติกันต่อไป ไม่ว่าจะเป็นทางการแพทย์ หรือเพื่อดำเนินธุรกิจการค้า จึงทำให้หลายสถาบันในสหรัฐอเมริกาได้สร้างหลักสูตรการเรียนการสอนทั้งในรูปแบบของปริญญาตรี ปริญญาโท และประกาศนียบัตร
รายชื่อมหาวิทยาลัยที่เปืดสอนหลักสูตรเกี่ยวกับกัญชา
- Northern Michigan University หลักสูตรปริญญาตรีวิชาเอก Medicinal Plant Chemistry: https://www.nmu.edu/chemistry/academic-programs
- U. of Denver มีวิชาว่าด้วย Marijuana Business 1 วิชาเปิดสอนทั้งในระดับปริญญาตรีและปริญญาโท : https://www.du.edu/news/daniels-launches-business-marijuana-class
- Vanderbilt University เริ่มนำหลักสูตรเกี่ยวกับ Marijuana เข้ามาสอนในคณะกฎหมายตั้งแต่ปี 2017 โดยมีสอนทั้งระดับปริญญาตรีปละปริญญาโท: https://law.vanderbilt.edu/courses/341
- คณะแพทยศาสตร์ University of Vermont เป็นแห่งแรกที่เปิดสอนหลักสูตร Certificate in Cannabis Education: http://www.med.uvm.edu/medicalcannabisresearch/education
- The Ohio State University กล่าวว่า OSU เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เปืดสอนหลักสูตกฎหมายว่าด้วย Marijuana Law : https://moritzlaw.osu.edu/depc/education/courses/
- คณะเภสัชศาสตร์ University of Maryland ได้เปืดหลักสูตรปริญญาโทใหม่ชื่อ Medical Cannabis: https://www.drugtopics.com/latest/first-medical-cannabis-degree-launched-university-maryland-pharmacy-school หรือเข้าไปดูชื่อเนื้อหาวิชาที่เปิดสอนได้ที่ https://www.pharmacy.umaryland.edu/academics/ms-medical-cannabis-science-and-therapeutics/
- University of Washington มีหลักสูตร Training เกี่ยวกับ Cannabis Studies: https://adai.uw.edu/mcacp/MCACPProviderSurvey.pdf
- Harvard University มีหลักสูตรเล็กๆว่า Cannabis Law: https://hls.harvard.edu/academics/curriculum/catalog/default.aspx?o=73642
- Clark University ได้เปืดหลักสูตร Certificate in Cannabis-Control Regulation เป็นแห่งแรกของสหรัฐอเมริกา: https://clarknow.clarku.edu/2019/06/10/clark-university-introduces-the-nations-first-certificate-in-cannabis-control-regulation/
- University of Connecticut online certificate course about Horticulture Cannabis: https://summersession.uconn.edu/online-horticulture-of-cannabis-from-seed-to-harvest/#
- Minot State University ในรัฐ North Dakota มีหลักสูตรปริญญาตรีด้าน Medicinal Plant Chemistry : https://www.minotstateu.edu/enroll/programs/medicinal-plant-chemistry.shtml
- Stockton University in New Jersey มีวิชา Cannabis ให้เลือกเรียนเป็น minor: https://stockton.edu/general-studies/cannabis-studies.html
- SUNY at Morrisville มีวืชา Cannabis ให้เลือกเรียนเป็นวิชา minor ของคณะ Horticulture: https://www.morrisville.edu/cannabis
- Colorado State U at Pueblo มีวิชา Cannabis ให้เลือกเรียนเป็นวิชา minor ให้นักศึกษาคณะ Social work,Sociology, History, Political Science: https://www.csupueblo.edu/cannabis-studies/index.html
- UCLA มีสถาบันวิจัยโดยเฉพาะเกี่ยวกับ Cannabis: https://www.uclahealth.org/cannabis/
นอกจากนี้สหรัฐอเมริกายังมีสถาบันที่สอนเกี่ยวกับ Cannabis โดยเฉพาะชื่อ America’s Hemp Academy ตั้งอยู่ที่เมือง Soto ในรัฐ Kansas https://americashempacademy.com/
ที่มา: https://www.leafly.com/news/growing/top-regions-where-cannabis-is-grown-in-the-us, https://www.drugscience.org/Archive/bcr2/domstprod.html, https://disa.com/map-of-marijuana-legality-by-state
Copyright © 2010-2020 GoVisaEdu All rights reserved.