มาเรียนรู้เรื่องแบบทดสอบภาษาอังกฤษ IELTS กัน
ILETS คืออะไร มาเรียนรู้เรื่องแบบทดสอบภาษาอังกฤษ IELTS หรือมีชื่อเต็มเป็นทางการคือ The International English Language Testing System กัน แบบทดสอบภาษาอังกฤษ IELTS ออกแบบโดย 2 หน่วยงานคือ Cambridge English Language Assessment และ British Council ตั้งแต่ปีค.ศ. 1980 ต่อมาในช่วงทศวรรษ 1980 IELTS ได้ถูกพัฒนาเพิ่มเติมโดย 3 หน่วยงานคือ IDP- IELTS Australia, British Council และ Cambridge English Language Assessment ทำให้เกิด IELTS โฉมใหม่ในปีค.ศ. 1989 จากปีค.ศ. 1989 จำนวนผู้ต้องการสอบ IELTS เพิ่มขึ้นปีละ 15% ทำให้ IELTS ต้องพัฒนาแบบทดสอบอีกครั้งในปี ค.ศ.1995 โดยการเพิ่ม One academic reading Module และ One academic Writing Module รวมทั้งปรับเวลาในการสอบ ความยาวข้อสอบ และการรายงานผลคะแนนใน Reading และ Writing ของ General Training ให้เหมือนกันกับของ Reading และ Writing ใน Academic Module IELTS ยังได้ปรับปรุง Speaking Test อีกครั้งในปีค.ศ. 2001 และปรับมาตราฐานการสอบ Writing อีกครั้งในปี 2005
ต่อมาในเดือนเมษายน ค.ศ. 2015 รัฐบาลอังกฤษได้มีประกาศการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ IELTS คือ การใช้ IELTS Secure English Language Tests (SELT) เพื่อการยื่นขอวีซ่าไปเรียนต่อ ไปทำงาน หรือเพื่อไปตั้งถิ่นฐานในสหราชอาณาจักร และในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2016 ผู้สอบ IELTS for UKVI สามารถเลือกสมัครทำข้อสอบด้วยระบบคอมพิวเตอร์นอกเหนือจากการทำข้อสอบลงบนกระดาษได้อีกด้วย จำนวนศูนย์สอบที่มีการนำระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้ในการทำข้อสอบได้ค่อยๆเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆในช่วงปีค.ศ. 2016-2017 ไม่ว่าจะเป็นการสอบลงบนกระดาษหรือทำข้อสอบโดยการใช้คอมพิวเตอร์ ผู้สอบจะไม่พบความแตกต่างในด้านเนื้อหาข้อสอบของ IELTS for UKVI เลย https://takeielts.britishcouncil.org/ielts-ukvi/academic-delivered-on-computer
ผลการสอบ IELTS ได้รับการยอมรับว่ามีมาตราฐานจากทั้งมหาวิทยาลัย องค์กร และบริษัททั่วโลกดังจะเห็นได้จากสถิติในปี 2017 มีผู้สมัครสอบ IELTS มากกว่า 3 ล้านคนในจำนวนมากกว่า 140 ประเทศ เพิ่มขึ้นจากปี 2012 ที่มีผู้สอบ IELTS ประมาณ 2 ล้านคนจากทั่วโลก https://www.britishcouncil.or.th/en/exam/ielts/information
แบบทดสอบ IELTS จะทดสอบผู้สอบภาษาอังกฤษทั้ง 4 ทักษะ คือ การฟัง การพูด การอ่านและการเขียน ผู้สอบจะได้รับผลสอบที่แยกคะแนนทั้ง 4 ทักษะให้เป็นชัดเจน โดยคะแนนในการสอบจะแบ่งออกเป็น 9 ระดับ เริ่มต้นตั้งแต่ระดับที่ 1 ไปจนถึงระดับที่ 9 ระดับที่ 9 ถือเป็นระดับที่แสดงความสามารถของผู้สอบว่า ใกล้เคียงกับเจ้าของภาษา https://takeielts.britishcouncil.org/find-out-about-results/understand-your-ielts-scores อนึ่ง ในการทำข้อสอบ ผู้สอบจะต้องสอบการฟัง(Listening) การอ่าน (Reading) และการเขียน (Writing)แบบทดสอบภาษาอังกฤษ IELTS ในวันเดียวกันทั้งหมด โดยไม่มีการหยุดพักระหว่างการสอบ ส่วนการพูด (Speaking) ผู้สอบสามารถเลือกที่จะสอบวันเดียวกันในช่วงบ่าย หรือเลือกสอบในวันเสาร์หรือวันพฤหัสบดีในสัปดาห์เดียวกันก็ได้ หรือ ตามตรารางสอบที่กำหนดไว้ของแต่ละศูนย์สอบ เช่น
- ตารางการสอบของศูนย์สอบ British Council : https://thailand.ielts.britishcouncil.org/iorpsea/html/registration/showExamSessionListUKVIServlet.do
- ตารางการสอบของศูนย์สอบ IDP-IELTS: https://www.ielts.idp.co.th/test_schedule_ukvi_th.aspx
การสอบ IELTS แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ
I. Regular IELTS เหมาะสำหรับผู้ที่มีความสามารถทำคะแนนภาษาอังกฤษได้ถึง หรือตรงตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยสามารถรับเข้าเรียนได้ โดยไม่ต้องลงทะเบียนเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษที่เรียกกันว่า Pre-sessional
II. IELTS for UKVI เหมาะสำหรับบุคคลต่อไปนี้
- ผู้ที่ทำคะแนนภาษาอังกฤษได้ไม่ถึงเกณฑ์กำหนด และต้องไปลงทะเบียนเรียนภาษาอังกฤษก่อนเรียนหลักสูตรปกติที่เรียกกันว่า Pre-Sessional
- เป็นผู้ที่สมัครไปเรียนหลักสูตร Foundation year นาน 1 ปีก่อนเข้าเรียนหลักสูตรปริญญาตรี
- เป็นผู้ที่ต้องไปเรียนหลักสูตร Pre-Master ก่อนเข้าเรียนหลักสูตรปริญญาโท
รูปแบบหลักๆของการสอบทั้ง Regular IELTS และ IELTS for UKVI มี 2 ชนิด คือ
- IELTS Academic เป็นการทดสอบความพร้อมเพื่อไปศึกษาต่อในต่างประเทศที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ ทั้งในระดับ ปริญญาตรี ปริญญาโทและปริญาเอก และยังใช้สำหรับผู้ที่ต้องการได้รับการรับรองความสามารถในวิชาชีพเพื่อทำงานในประเทศอังกฤษ
- IELTS General Training เป็นการทดสอบที่ใช้เพื่อการฝึกอบรมหรือไปทำงานในต่างประเทศที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก รวมทั้งผู้ที่ต้องการไปเรียนในหลักสูตรที่ต่ำกว่าปริญญาตรี โดยทั่วไปข้อสอบจะใช้วัดความรู้ภาษาอังกฤษในระดับพื้นฐาน และยังใช้กับผู้ที่ต้องการย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษได้อีกด้วย
อาจกล่าวได้ว่า แบบทดสอบ Regular IELTS และ IELTS for UKVI ไม่มีความแตกต่างด้านเนื้อหาในการสอบ หรือระยะเวลาในการสอบเลย อย่างไรก็ตามข้อแตกต่างเล็กๆของแบบทดสอบทั้ง 2 ประเภทที่พอสังเกตได้คือ
- การใช้ video และ CCTV ในการตรวจดูความเคลื่อนไหวระหว่างทำแบบทดสอบของผู้เข้าสอบ IELTS for UKVI
- IELTS for UKVI มีข้อสอบย่อยที่เรียกว่า IELTS Life Skill ให้เลือกอีก 3 ชนิดสำหรับผู้ที่ต้องการยื่นขอวีซ่าถาวรเข้าไปอยู่ในสหราชอาณาจักร
IELTS Life skill คือการทดสอบภาษาอังกฤษเพียง 2 ทักษะเท่านั้น คือ Speaking และ Listening เนื้อหาของ IELTS Life Skill คือ ผู้สอบจะต้องถามและตอบคำถามหัวข้อในชีวิตประจำวันที่คุ้นเคย และ ผู้สอบจะได้ฟังเรื่องจากซีดีเพื่อทดสอบทักษะการฟังด้านการจับใจความโดยรวม และจะต้องตอบคำถามได้ทันทีหรือสามารถจดข้อมูลต่างๆได้จากการฟังซีดี https://thailand.ielts.britishcouncil.org/iorpsea/html/registration/selectExamTypeServlet.do
IELTS Life Skill แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ
- ระดับ A1 ใช้เวลาในการทำแบบทดสอบนาน 16-18 นาที เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการขอวีซ่าเข้าประเทศอังกฤษ และขอวีซ่าสำหรับสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาเพื่อการอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษ
- ระดับ A2 ใช้เวลาในการทำแบบทดสอบนาน 18-20 นาที เหมาะสำหรับผู้ขอวีซ่าเข้าประเทศอังกฤษในฐานะคู่สามีภรรยา ด้วยวันที่ 18 มกราคม 2016 รัฐบาลอังกฤษประกาศใช้ข้อบังคับใหม่สำหรับครอบครัวของผู้ย้ายถิ่นฐาน ที่ต้องการจะเพิ่มเวลาการอาศัยในประเทศอังกฤษ หลังจากที่ได้เข้าไปอยู่เป็นระยะเวลา 2 ปีครึ่งในอังกฤษ หรือ ผู้ที่ไม่ใช่คู่สมรสของผู้มีสัญชาติยุโรป และพ่อแม่ จำเป็นจะต้องผ่านการทดสอบทักษะการพูดและการฟัง ที่ระดับ A2 เพื่อที่จะสามารถอยู่ต่อให้ครบ 5 ปี หรือเพื่อการตั้งถิ่นฐานในอนาคต https://www.gov.uk/government/news/new-a2-english-requirement-in-the-family-route
- ระดับ B1 ใช้เวลาในการทำแบบทดสอบนาน 22 นาที และผู้สอบระดับนี้จะต้องมีการวางแผนคิดกิจกรรมร่วมกันกับผู้สอบอีกท่านหนึ่ง เหมาะสำหรับการขอวีซ่าประเภทอาศัยอยู่แบบไม่มีกำหนด หรือ มีกำหนดการกลับที่ไม่แน่นอนหรือเพื่อสมัครการยื่นขอเป็นพลเมืองอังกฤษ https://takeielts.britishcouncil.org/ielts-ukvi/what-ielts-ukvi จากรูปล่างคือสรุปเนื้อหาของ IELTS for UKVI ว่าประกอบด้วยข้อสอบประเภทใดบ้าง
ส่วนเนื้อหาขัอสอบ IELTS และ IELTS for UKVI ประกอบด้วย
- Listening การสอบการฟัง ใช้เวลา 30 นาที ผู้สอบต้องฟังเนื้อเรื่องที่จะประกอบด้วยการ สนทนา และบทพูด รวมทั้งการออกเสียง ผู้สอบจะได้ฟังเทปเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่จะมีเวลาให้ในการอ่านคำถาม และเขียนคำตอบ และในช่วงท้ายจะมีเวลาให้คัดลอกและตรวจสอบความถูกต้องของคำตอบใน Answer Sheet อีก 10 นาที
- Reading การสอบการอ่าน ใช้เวลา 60 นาที มีเนื้อเรื่องให้อ่าน 3 บทความ พร้อมด้วยคำถามที่ต้องปฎิบัติตาม ซึ่งเนื่อหาเหล่านี้ได้มาจากหนังสือ นิตยสาร และ หนังสือพิมพ์ เป็นเรื่องทั่วไป ไม่ได้เจาะจงเฉพาะทางใดทางหนึ่ง รวมทั้ง 3 บทความ จะมีคำถามทั้งหมดจำนวน 40 ข้อ และให้เวลาทั้งหมด 60 นาที ดังนั้นเวลาในการทำจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณข้อละ 1.5 นาที
- Writing การสอบการเขียน ใช้เวลา 60 นาที มี 2 เรื่อง เรื่องแรก คือการเขียนในลักษณะอธิบายข้อมูลที่ให้มาในรูปแบบกราฟ ตาราง แผนผัง เราจะต้องมีการเปรียบเทียบข้อมูลต่างๆ ที่เด่นๆ โดยที่ต้องเขียนอย่างน้อย 150 คำเป็นอย่างต่ำ เรื่องที่สอง คือ การเขียนเรียงความหรือรายงานอย่างเป็นทางการ และเป็นการแสดงความคิดเห็น การหาทางออก ของปัญหาหรือวิจารณ์หัวข้อที่ให้มา โดยต้องเขียนอย่างน้อย 250 คำ
- Speaking การสอบการพูด ใช้เวลา 11-14 นาที แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกเป็นการพูดคุยเรื่องทั่วๆ ไป การใช้ชีวิตประจำวัน ส่วนที่สอง กรรมการจะมีเวลาให้เตรียมตัวก่อนพูด 1 นาที โดยจะมีบัตรคำถามมาให้ และจะให้เราพูดคนเดียวประมาณ 3-4 นาที และส่วนสุดท้ายจะมีลักษณะคล้ายกับการพูดโต้ตอบกันในหัวข้อที่ได้ จากส่วนที่สอง https://takeielts.britishcouncil.org/prepare-test/understand-test-format
ข้อสอบ Listening และ Speaking มีลักษณะเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นข้อสอบแบบ Academic หรือ General ระยะเวลาสอบทั้งหมดคือ 2 ชั่วโมง 45 นาที
ราคาค่าสมัครสอบ ผู้เข้าสอบสามารถตรวจสอบราคาค่าสมัครสอบได้ที่
- ราคาค่าสมัครสอบ 6,900 บาท
2. IELTS for UKVI: https://www.britishcouncil.or.th/en/test-dates-fees-and-locations-ielts-ukvi
- IELTS for UKVI ปรับเพิ่มจากราคา 8,800 บาทในเดือนกรกฎาคม 2018 เป็นราคาค่าสอบ 9,860 บาท
- IELTS Life Skill ปรับราคาเพิ่มจากราคา 6,600 บาทในเดือนกรกฎาค 2018 เป็นราคาค่าสอบ 7,395 บาท
วิธีการสมัครและการชำระเงินค่าสมัครสอบ
- ศูนย์สอบ British Council เลือกวันที่สอบและสมัครสอบออนไลน์ได้ https://thailand.ielts.britishcouncil.org/iorpsea/html/registration/showExamSessionListUKVICBServlet.do?testDate=2018-09-08
เลือก Register online เตรียมหลักฐาน บัตรประชาชน หรือ หนังสือเดินทาง บัตรเครดิต หรือบัตรเดบิตของธนาคารกสิกรไทย หรือธนาคารกรุงไทย หรือธนาคารกรุงเทพให้พร้อมในการกรอก และดำเนินการต่อตามคำสั่งของโปรแกรม
2. ศูนย์สอบ IDP-IELTS กำหนดให้ชำระเงินผ่านเคานเตอร์ธนาคารไทยพาณิชย์หรือผ่านตู้ ATM ของธนาคารไทยพาณิขย์ https://www.ielts.idp.co.th/how_to_make_payment_th.aspx
เมื่อทำการชำระเงินเรียบร้อยแล้วให้ส่งแฟกซ์ใบเสร็จรับเงิน “Pay-in Receipt” หรือใบสลิป ATM ไปที้หมายเลข 02-231-0530 หรือส่งอีเมล์ไปที่ [email protected]
หลังจากทำแบบทดสอบภาษาอังกฤษ IELTS ผู้สอบจะทราบผลสอบ IELTS ได้ภายในเวลา 13 วัน และผลสอบสามารถเก็บไว้ใช้ได้นาน 2 ปี ผู้สอบต้องเก็บรักษา Test Report Form (TRF) ให้ดี เพราะจะไม่มีการออกใหม่ถ้าทำ TRF หายไป https://www.ieltsasia.org/th/en/results
ผู้สอบ IELTS สามารถส่งรายงานผลคะแนนแบบทดสอบภาษาอังกฤษ IELTS ให้สถาบันที่ส่งสมัครไปศึกษาต่อ หรือหน่วยงานที่ต้องการได้ไม่เกิน 5 แห่ง โดยต้องชำระค่าบริการการส่งคะแนน IELTS ให้สถาบันละ 500 บาท
Copyright © 2010-2018 GoVisaEdu All rights reserved.