ในขณะนี้ทั่วโลกกำลังวิตกกังวลกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่โอไมครอน (Omicron COVID-19) ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโรคเป็นไปอย่างรวดเร็วกว่าสายพันธุ์เดลตา หลายประเทศเริ่มมีข้อจำกัดในการเดินทางเข้าประเทศของตน ซึ่งอาจจะทำให้นักศึกษาต่างชาติจากทั่วโลกได้รับผลกระทบจากการจำกัดพรมแดนและมาตรการการเดินทางครั้งใหม่นี้ ประเทศต่างๆต้องการให้มีการควบคุมการแพร่เชื้อไวรัสให้ดีขึ้นกว่าเดิม ทำให้มาตรการจำกัดการเดินทางเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนกับผู้ที่ต้องการเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศ ผู้สนใจไปศึกษาต่อต่างประเทศหรือผู้ที่กำลังศึกษาอยู่ในต่างประเทศต่างก็ต้องหมั่นติดามข่าวสารของประเทศที่สนใจไปศึกษาต่อ https://www.studyinternational.com/news/omicron-travel-restrictions-by-country/ ต่อไปจะเป็นสรุปการรายงานเกี่ยวกับข้อจำกัดในการเดินทางไปยังต่างประเทศ โดยจะเลือกจากประเทศที่นักศึกษาต่างชาตินิยมไปเรียนกัน มีดังนี้
ประเทศสหรัฐอเมริกา
เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ประกาศห้ามผู้ที่ไม่ใช่พลเมืองสหรัฐฯที่เดินทางมาจาก 8 ประเทศในแอฟริกาตอนใต้เข้าประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศเหล่านั้น ได้แก่ แอฟริกาใต้ บอตสวานา ซิมบับเว นามิเบีย เลโซโท เอสวาตินี โมซัมบิก และมาลาวี ต่อมาเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 สหรัฐฯได้สั่งให้สายการบินเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผู้เดินทางที่มาจาก 8 ประเทศภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากเดินทางมาถึงประเทศสหรัฐอเมริกา และนับตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม 2564 ผู้เดินทางโดยเครื่องบินที่มีอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป โดยไม่คำนึงถึงสัญชาติหรือสถานะการฉีดวัคซีน จะต้องแสดงเอกสารยืนยันผลการทดสอบไวรัสที่เป็นลบภายในหนึ่งวันก่อนขึ้นเครื่องบินเดินทางไปสหรัฐอเมริกา คำว่า “ผู้โดยสารทั้งหมด” หมายรวมถึงผู้เดินทางทั้งพลเมืองสหรัฐฯ ผู้พำนักถาวรที่ถูกต้องตามกฎหมาย(LPR) และชาวต่างชาติ สำหรับผู้ที่เพิ่งหายป่วยจากโรค COVID-19 จะต้องเดินทางพร้อมเอกสารแสดงการฟื้นตัวจาก COVID-19 เช่น ผู้เดินทางต้องมีผลการทดสอบไวรัส COVID-19 เป็นบวกในตัวอย่างที่นำมาไม่เกิน 90 วันก่อนการเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกา และต้องมีจดหมายจากผู้ให้บริการด้านการรักษาพยาบาลที่ได้รับใบอนุญาต หรือจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ระบุว่า ผู้เดินทางท่านนั้นได้รับอนุญาตให้เดินทางได้ หลังจากเดินทางถึงประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้เดินทางอาจต้องกักตัวเองเป็นเวลา 7 วัน ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ประกาศว่าสิ่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์เพื่อควบคุมไวรัส มาตรการอื่นๆ รวมถึงการกำหนดให้ผู้เดินทางต้องสวมหน้ากากอนามัย เมื่อใช้บริการขนส่งสาธารณะจนถึงกลางเดือนมีนาคม 2566 มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการกำหนดมาตรการที่เข้มงวดขึ้นเมื่อสถานการณ์พัฒนามากขึ้นกว่านี้
หนังสือพิมพ์ New York Times ฉบับวันที่ 1 ธันวาคม 2564 สหรัฐอเมริการะบุกรณีการพบผู้ป่วยไวรัส Omicron ที่กลายพันธุ์รายแรกในแคลิฟอร์เนียว่า ผู้ป่วยเดินทางจากแอฟริกาใต้เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนและได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน และจาก Newsweek วันที่ 23 ธันวาคม 2564 ระบุว่า โรงเรียนใน 4 รัฐคือ Maryland, New Jersey, New Mexico และ New York เกือบ 300 แห่งยังคงประกาศปิดโรงเรียนอยู่โดยจะมีการเปิดสอนทางออนไลน์ในต้นเดือนมกราคมถึงกลางเดือนมกราคม 2565 หลังจากนั้นอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงถ้าสถานะการณ์ดีขึ้น https://www.newsweek.com/nearly-300-schools-will-remain-closed-after-winter-break-due-omicron-concerns-1662696
สหราชอาณาจักร
เมื่อปลายเดือนพฤศติกายน 2564 สหราชอาณาจักรได้จัดให้ 11 ประเทศในแอฟริกาได้แก่ แองโกลา บอตสวานา เอสวาตินี เลโซโท มาลาวี โมซัมบิก นามิเบีย ไนจีเรีย แอฟริกาใต้ แซมเบีย และซิมบับเว อยู่ใน “บัญชีแดง” หลังจากพบร่องรอยของไวรัสกลายพันธุ์ Omicron ในประเทศ ซึ่งรวมถึงการไม่อนุญาตให้บุคคลใดจากประเทศเหล่านี้เข้าสหราชอาณาจักร เว้นแต่จะเป็นชาวอังกฤษหรือชาวไอริช/ผู้พำนักอาศัย ส่วนผู้เดินทางมาจากประเทศอื่น ๆ ต้องทำการทดสอบ COVID-19 ภายใน 48 ชั่วโมงก่อนเดินทางมาถึงสหราชอาณาจักร และพวกเขาจะต้องกักกันตนเองจนกว่าจะแสดงผลเชิงลบโดยไม่คำนึงถึงว่าพวกเขาได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนหรือไม่ สหราชอาณาจักรได้บันทึกว่า มีผู้ติดเชิ้อไวรัสโอไมครอน 32 ราย เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเตือนว่า “เป็นไปได้มาก” ที่ตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอีกไม่กี่วันข้างหน้า สิ่งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลกล่าวว่าตัวแปร Omicron อาจทำให้เกิดคลื่นที่ใหญ่ที่สุดของกรณี COVID-19 ในสหราชอาณาจักร ต่อมาสำนักข่าวรอยเตอร์ได้รายงานข่าวเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2564 ว่า กลุ่มสายการบินต่างๆในสหราชอาณาจักรได้แก่ British Airways, easyJet, Ryanair, Loganair, Virgin Atlantic and Jet2.com ได้กล่าวหารัฐบาลสหราชอาณาจักรเรื่อง “แนวทางที่สุ่มเสี่ยงและไม่สมส่วน” ในการจำกัดการเดินทางอันเนื่องจากการเกิดไวรัสกลายพันธ์สายใหม่ชื่อโอไมครอน(Omicron) ทำให้เกิดความกลัว และเรียกร้องให้รัฐช่วยเหลือเพิ่มเติมเพื่อป้องกันการเกิด “รอยแผลเป็นถาวร” ของอุตสาหกรรมการเดินทางทางอากาศ https://www.reuters.com/business/aerospace-defense/uk-airlines-seek-government-aid-after-omicron-led-travel-restrictions-2021-12-13/ ส่วนผู้นำทางการเมืองบางคนในแอฟริกาใต้กล่าวว่า ข้อจำกัดดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นของทางฝั่งอเมริกาหรือยุโรปล้วนไม่ยุติธรรมต่อแอฟริกา และในเช้าวันพุธที่ 15 ธันวาคม 2564 เวลาตี 4 สหราชอาณาจักรได้ยกเลิกการห้ามพลเมืองจาก 11 ประเทศเดินทางเข้าสหราชอาณาจักร
กฎในการเดินทางเข้าสหราชอาณาจักร ผู้เดินทางทุกคนที่จะเดินทางไปสหราชอาณาจักรที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปต้องทำการทดสอบ PCR หรือการทดสอบแบบ Lateral Flow Test และจะต้องดำเนินการภายในสองวันก่อนออกเดินทางไปสหราชอาณาจักร โดยผลทดสอบต้องเป็นลบ แม้ว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้วก็ตาม การทดสอบสามารถทำได้ทั้งในประเทศที่ผู้เดินทางทางเริ่มทำการเดินทาง หรือในประเทศอื่นที่ผู้เดินทางอยู่ระหว่างการเดินทางไปสหราชอาณาจักร หากผู้เดินทางมีผลตรวจเป็นบวก ต้องปฏิบัติตามกฎในประเทศที่ผู้เดินทางอยู่ ไม่ใช่เดินทางไปสหราชอาณาจักร และเมื่อเดินทางเข้าไปถึงสหราชอาณาจักรแล้ว ผู้เดินทางมีเวลาอีกสองวันในการทำการทดสอบอีกครั้ง ซึ่งจะต้องเป็น PCR โดยผู้เดินทางต้องจองบริการนี้ก่อนเดินทาง โดยซื้อจากรายชื่อผู้ให้บริการที่รัฐบาลอังกฤษอนุมัติแล้ว ในขณะที่ผู้เดินทางกำลังรอฟังผล ผู้เดินทางต้องแยกตัวเอง – ไม่ว่าผูเดินทางจะได้รับการฉีดวัคซีนหรือไม่ก็ตาม ผู้เดินทางไม่ต้องแยกตัวเองหากผลการทดสอบออกมาเป็นลบ โปรดศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ https://www.gov.uk/guidance/travel-to-england-from-another-country-during-coronavirus-covid-19#contents
ประเทศแคนาดา
เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 รัฐบาลแคนาดาห้ามผู้เดินทางมาจาก 10 ประเทศเหล่านี้เข้าประเทศแคนาดา ประเทศเหล่านั้นคือ https://www.canada.ca/en/public-health/news/2021/11/government-of-canada-introduces-additional-measures-to-address-covid-19-omicron-variant-of-concern.html
- Botswana
- Egypt
- Eswatini
- Lesotho
- Malawi
- Mozambique
- Namibia
- Nigeria
- South Africa
- Zimbabwe
และในวันที่ 18 ธันวาคม 2564 เวลา 23.59 น. รัฐบาลแคนาดาได้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว
หนังสือพิมพ์ Straits Times ได้กล่าวถึงการเพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อโอไมครอนในประเทศแคนาดามากจนจำนวนเตียงในโรงพยาบาลแทบไม่พอ https://www.straitstimes.com/world/canada-advises-against-international-travel-amid-omicron-threat-exhausted-hospital-staff
รัฐบาลแคนาดาเองได้ประกาศเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2564 ว่า ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรมีการเดินทางไปต่างประเทศ แต่ถ้าจำเป็นต้องเดินทาง ขอให้ผู้เดินทางที่ได้รับวัคซีนครบทุกคนปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข รวมทั้งสวมหน้ากากที่กระชับและหน้ากากที่มีโครงสร้างอย่างดี ผู้เดินทางยังคงต้องส่งรายชื่อบุคคลหรือสถานที่ติดต่อได้ในข่วง 14 วันหลังจากเข้าประเทศแคนาดาแล้ว เพื่อการติดตามผู้เดินทางท่านนั้นได้ ผู้เดินทางกลับมาที่ประเทศแคนาดาโดยไม่ได้รับวัคซีนทุกคนต้องถูกกักตัวเป็นเวลา 14 วัน ผู้เดินทางทุกคนที่เดินทางมาถึงประเทศแคนาดาไม่ว่าจะเป็นการเดินทางด้วยการเดินทางรูปแบบใด จะต้องส่งข้อมูลของตนไปที่ ArrivalCAN เพื่อลดเวลารอในการเข้าถึงการทดสอบและบรรเทาความแออัดที่สนามบิน ผู้เดินทางที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าสู่ประเทศแคนาดา ขอแนะนำให้ลงทะเบียนล่วงหน้ากับผู้ให้บริการทดสอบที่สนามบินขาเข้าก่อนเดินทางมาถึงประเทศแคนาดา https://www.canada.ca/en/public-health/news/2021/12/government-of-canada-announces-additional-measures-to-contain-the-spread-of-the-omicron-variant.html
ประเทศเยอรมนี
ประเทศเยอรมนีเป็นหนึ่งในหลายประเทศในยุโรปที่ประกาศเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 ให้ระงับเที่ยวบินชั่วคราวจากรายชื่อประเทศในแอฟริกาตอนใต้จำนวน 8 ประเทศได้แก่ บอตสวานา เอสวาตินี เลโซโท มาลาวี โมซัมบิก นามิเบีย แซมเบีย และซิมบับเว สิ่งนี้เกิดขึ้นหลังจากประเทศเยอรมนียืนยันพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน(Omicron )ในปัจจุบัน ประเทศเยอรมนีและประเทศอื่นๆในกลุ่มเชงเก้นยังไม่ได้ประกาศยกเลิกคำสั่งแบน 8 ประเทศในแอฟริกา https://www.schengenvisainfo.com/news/eu-countries-refuse-to-lift-travel-ban-on-southern-african-countries-despite-the-omicron-variant-circulating-within-europe/
กฎเกณฑ์การเข้าประเทศเยอรมนีชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศเยอรมนี มีดังนี้คือ ผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศเยอรมนีต้องได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครบถ้วนอย่างน้อย 14 วันก่อนวันเดินทาง ผู้เดินทางต้องแสดงผลการทดสอบ COVID-19 เป็นลบด้วย และขึ้นอยู่กับสถานที่ออกเดินทาง ยังไม่มีมาตรการเพิ่มเติมที่จะส่งผลกระทบต่อนักศึกษาต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม นักการเมืองชาวเยอรมันหลายคนได้เรียกร้องให้มีข้อจำกัดที่เข้มงวดขึ้นเพื่อควบคุมไว่รัสกลายพันธุ์โอไมครอน ( Omicron) การสวมหน้ากากได้รับคำสั่งให้ปฎิบัติในสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่สำคัญหลายแห่งของประเทศ ในวันที่ 28 ธันวาคม 2564 รัฐบาลเยอรมนีได้ประกาศกฎเพิ่มเติม ห้ามไม่ให้มีการรวมตัวของผู้คนจำนวน 10 คนขึ้นไปแม้คนเหล่านั้นจะได้รับวัคซีนมาแล้วก็ตาม ผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนจะได้รับอนุญาตให้พบปะกับคนภายนอกบ้านได้สูงสุดสองคนเท่านั้น ทางการได้พยายามเร่งการรณรงค์สนับสนุนให้คนในประเทศเข้ารับการฉีดวัคศีน โดยขณะนี้มีกำลังการฉีดประมาณ 1 ล้านช็อตต่อวัน แต่สัดส่วนที่ผู้ที่ได้รับเข็มแรกและครั้งที่สองยังคงต่ำอยู่คืออยู่ที่ 70.3% อัตราการติดเชื้อและผู้เสียชีวิตรายใหม่ลดลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพกล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า นี่ไม่ได้หมายความว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง เนื่องจากตัวเลขผู้เสียชีวิตรายวันและการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลยังคงสูงอยู่ สถาบัน Robert Koch สำหรับโรคติดเชื้อได้เรียกร้องให้มี “ข้อจำกัดในการติดต่อสูงสุด” นอกจากนี้ยังแนะนำให้ลดการเดินทางให้เหลือน้อยที่สุด เร่งการรณรงค์ฉีดวัคซีน และทำให้แน่ใจว่ามีการตรวจไวรัสโคโรน่าฟรีเพียงพอ ที่ประเทศเยอรมนีต้องมีมาตราการดังกล่าว เพราะหากดูจากแผนที่ประเทศในยุโรปตอนนี้ ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อโอไมครอนหนักที่สุดจนได้สัญญลักขณ์เป็นเป็นสีดำคือ สหราชอาณาจักร ประเทศฝรั่งเศส ประเทศไอซแลนด์ และประเทศเดนมาร์ค https://www.theguardian.com/world/2021/dec/21/germany-omicron-europe-spain-sweden-covid
ประเทศออสเตรเลีย
หลังจากการปิดประเทศตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 รัฐบาลออสเตรเลียประกาศเลื่อนการเกิดประเทศจากวันที่ 1 ธันวาคม 2564 เป็นวันที่ 15 ธันวาคม 2564 ทำให้สิ่งนี้ได้รับการตอบรับอย่างไม่ดีจากนักศึกษาต่างชาติ หลายคนต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องการเลื่อน การเปลี่ยนตั๋วเครื่องบิน รวมทั้งการไม่ได้รับเงินค่าตั๋วเครื่องบินคืน เช่น นักศึกษาจากฟิลิปปินส์ท่านหนึ่งซึ่งเตรียมตัวเดินทางวันที่ 1 ธันวาคม แต่มารู้ว่าต้องยกเลิกเที่ยวบินนั้นก่อนเวลาเดินทางเพียง 30 ชั่วโมง https://www.afr.com/work-and-careers/education/students-get-toxic-over-extension-of-border-closures-20211130-p59dec นักศึกษาหลายคนไม่สามารถกลับมาศึกษาต่อได้หลังจากถูกห้ามออกนอกประเทศเป็นเวลาหลายเดือน ในตอนนั้นเฉพาะพลเมืองออสเตรเลียและผู้ถือวีซ่าที่ได้รับวัคซีนครบสมบูรณ์เท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศ โดยชาวต่างชาติต้องกักตัวในโรงแรมนานถึง 14 วัน อย่างไรก็ตาม นักศึกษาต่างชาติได้บ่นเกี่ยวกับลักษณะที่คลุมเครือของมาตรการเหล่านี้ บางคนถึงกับย้ายไปเรียนประเทศอื่นก็มี นอกจากนี้ประเทศออสเตรเลียก็ยังเหมือนอีกหลายประเทศคือ ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิสายพันธุ์ Omicron รัฐบาลออสเตรเลียมีนโยบายห้ามไม่ให้คนจากประเทศในแอฟริกา 10 ประเทศเข้าประเทศไม่ว่าจะด้วยวิธีใด เที่ยวบินทั้งหมดไปและกลับจากบอตสวานา เอสวาตินี เลโซโท มาลาวี โมซัมบิก นามิเบีย เซเชลส์ แอฟริกาใต้ และซิมบับเวถูกระงับ ผู้เดินทางที่มาจากประเทศเหล่านี้ถูกห้ามไม่ให้เข้าประเทศออสเตรเลียตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 และเพิ่งมีประกาศยกเลิกนโยบายดังกล่าวเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2564 ในขณะนี้ นักศึกษาต่างชาติที่มีวัตถุประสงค์จะเดินทางไปเข้าชั้นเรียนตามปกติในประเทศออสเตรเลีย ต้องเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว เช่น ในรัฐวิคตอเรีย กำหนดว่า ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศที่ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครบถ้วนหรือเป็นผู้ที่ได้รับการยกเว้น เมื่อเดินทางมาถึงรัฐวิกตอเรียหลังเวลา 23.59 น. ของวันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม จะไม่ต้องทำการกักตัวที่บ้านนาน 72 ชั่วโมง แต่จะต้องได้รับการตรวจ PCR ของไวรัสโควิด-19 ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากเดินทางมาถึงและแยกตัวออกไปจนกว่าจะได้รับผลลบ พวกเขาเหล่านั้นยังต้องเข้ารับการทดสอบอีกครั้งในระหว่างห้าและเจ็ดวันหลังจากมาถึง https://www.studymelbourne.vic.gov.au/student-arrivals
อย่างไรก็ตาม คำแนะนำก่อนเข้าประเทศออสเตรเลีย โปรดศึกษารายละเอียดของการเข้าเมืองในแต่ละรัฐได้จากเว็บไซต์ https://covid19.homeaffairs.gov.au/international-student-arrival-plans
ประเทศนิวซีแลนด์
ประเทศนิวซีแลนด์มีการควบคุมชายแดนที่เข้มงวดที่สุดในโลก นักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดถูกห้ามเข้าประเทศหลังจากพบไวรัสสายพันธุ์แรกในปี 2563 ประเทศนิวซีแลนด์เริ่มปิดประเทศตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 รวมระยะเวลาทั้งสิ้นประมาณ 18 เดือน อย่างไรก็ตาม แผนการที่จะค่อยๆ เปิดพรมแดนประเทศอีกครั้งหนึ่งนี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่โอไมครอน (Omicron) หมายความว่า การประกาศล่าสุดของนิวซีแลนด์จะอนุญาตให้นักเดินทางต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนเข้ามาในประเทศนิวซีแลนด์ได้ในปี พ.ศ. 2565 พรมแดนของนิวซีแลนด์จะเริ่มเปิดให้พลเมืองนิวซีแลนด์และผู้อยู่อาศัยในนิวซีแลนด์ที่เดินทางมาจากออสเตรเลียเข้าประเทศนิวซีแลนด์ได้ในวันที่ 16 มกราคม 2565 พลเมืองนิวซีแลนด์ที่เดินทางมาจากประเทศอื่นๆทั่วโลกจะค่อยๆ ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศนิวซีแลนด์ได้ตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 ส่วนพลเมืองที่มาจากประเทศอื่นๆทั่วโลกจะเดินทางเข้าประเทศนิวซีแลนด์ได้ในวันที่ 30 เมษายน 2565 https://edition.cnn.com/travel/article/new-zealand-ease-restrictions-covid-2022-intl-hnk/index.html มหาวิทยาลัย Otago ได้โพสต์ข้อความว่า ประเทศนิวซีแลนด์มีแผนการจะเปิดประเทศให้นักศึกษากลับเข้าไปเรียนได้อีกในวันที่ 30 เมษายน 2565 https://www.otago.ac.nz/coronavirus/information-for-international-students/currently-offshore/
แต่ทั้งนี้ข้อมูลจากเว็บไซต์ทางการศึกษาของรัฐบาลนิวซีแลนด์ซึ่งอัพเดทล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2564 ก็ต้องรอการประกาศที่ชัดเจนจากรัฐบาลอีกครั้ง
Copyright © 2010-2021 GoVisaEdu All rights reserved